Monday 4 December 2006

จมูกข้าว (2)

คุณอาจเคยได้ยินมาว่า รำข้าวที่ให้หมูกิน เป็นของดีที่มีคุณค่าที่ถูกขัดทิ้งจากเมล็ดข้าวอย่างน่าเสียดาย แต่คุณอาจไม่รู้ว่า นอกจากรำข้าว ยังมีสุดยอดของข้าวอีกส่วนที่ถูกขัดทิ้งไปด้วย นั่นคือ " จมูกข้าว" สถาบันวิจัยทางการแพทย์ มูลนิธิซุท แคนาดา ได้เตือนว่า ชาวโลกกำลังบริโภคข้าวขัดขาวมากขึ้น รำข้าวและจมูกข้าวซึ่งอุดมด้วยวิตามินบีและอีได้หลุดหายไปเกือบหมด ด้วยเหตุนี้ประชากรในโลกระยะร้อยปีที่ผ่านมา จึงสูญเสียแหล่งกักตุนวิตามินบีและอีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ส่งผลให้ประชากรมีปัญหาสุขภาพเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งโรคหัวใจ และโรคประสาท

ข้าว อาหารของคนไทย
ลองนึกย้อนดู บางทีอาจพบว่า เรารู้เรื่องราวเกี่ยวกับเมล็ดข้าวขาวเล็กกระจิ๋วหลิวน้อยกว่าอาหารชนิดอื่นเสียอีก ทั้งที่กินข้าวทุกวัน วันละสามมื้อ บางคนหุงข้าวไม่เป็นด้วยซ้ำไป ถ้าเลิกผลิตหม้อหุงข้าวชื่อญี่ปุ่นทั้งหลาย คนไทยเกือบครึ่งอาจท้องอืดเพราะกินข้าวสามกษัตริย์ ครูสุขศึกษาบอกเราว่า ข้าวขัดขาวคือข้าวที่ถูกขัดสีจนขาว วิตามินเกลือแร่ที่มีคุณค่าหลุดออกไปในรำข้าวเกือบหมด ถูกต้องครับ การจะนำข้าวเปลือกมาปรุงเป็นอาหารได้นั้น อันดับแรกคือต้องทำให้เปลือกข้าวชั้นนอกสุด ที่แข็งกระด้างหลุดออกไปเสียก่อน สมัยโบราณใช้วิธีตำข้าวเปลือกในครกไม้ แล้ฝัดในกระด้งให้เปลือกที่เบากว่า ไปรวมกันที่ปลายกระด้ง คนทำต้องรู้เทคนิค ข้าวที่ตำให้เปลือกหลุดด้วยมือนี้เอง ที่เราเรียกกันว่า "ข้าวซ้อมมือ" เพราะทำกับมือ แต่การผลิตเป็นอุตสาหกรรม จะมัวมาตำทีละครกย่อมไม่ทันการณ์ จึงมีผู้ประดิษฐ์เครื่องสีข้าว ซึ่งใช้หลักการขัดเปลือกด้วยลูกกลิ้งผิวหยาบด้านหนึ่งเป็นลูกเหล็กเคลือบผิวด้วยหินกากเพชร อีกด้านเป็นแถบยาง ลูกเหล็กจะกลิ้งตลอดเวลา เมื่อเมล็ดข้าวตกลงไป จะถูกขัดให้เปลือกกล่อนหลุด เปลือกข้าวถูกลมเป่าออกมาเป็นแกลบ เหลือรำข้าวหยาบกับข้าวไม่มีเปลือก เรียกข้าวกล้อง (Brown Rice หรือ Cargo Rice หรือ Husked Rice หรือ Loozain Rice) ดังนั้นข้าวซ้อมมือกับข้าวกล้องจึงให้คุณค่าเหมือนกัน ต่างเพียงว่าหนึ่งผลิตด้วยแรงงานมนุษย์ หนึ่งผลิตด้วยเครื่องจักร การสีครั้งแรก เมล็ดข้าวกล้องที่ได้ยังมีเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวอยู่ทำให้ข้าวยังไม่ขาว จึงต้องผ่านขบวนการสีครั้งที่สอง ลอกเยื่อหุ้มออกไปอีก ครั้งนี้เยื่อหุ้มเมล็ดข้าวจะถูกแยกมาเป็นรำละเอียด ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการสูง หลังผ่านการขัดสีอีกหลายครั้ง จึงได้ข้าวขาวอย่างที่ต้องการ บางโรงงานยังมีเครื่องขัดมัน เพื่อให้ขาวสวยเป็นมันอีก

แหล่งวิตามินอี
วิตามินอีมีไม่มากนักในอาหารทั่วไป อาจพบบ้างในน้ำมันจากเมล็ดพืชบางชนิด ลูกนัท ลูกก่อ แปะก้วย ธัญพืช น้ำมันเมล็ดทานตะวัน ซึ่งทั้งหมดไม่ใช่อาหารที่เราคุ้นเคย แต่เชื่อไหมว่า แหล่งที่คุณอาจได้รับวิตามินอีกมากที่สุดคือ ข้าวที่เรากินวันละสามมื้อนี่เอง วิตามินอีมีอยู่มากในเยื่อหุ้มผิวชั้นใน และจมูกของเมล็ดข้าว อนิจจา…น่าเสียดาย เยื่อหุ้มผิวและจมูกข้าวในไทยถูกขัดสีจนหลุดไปหมดกลายเป็นรำข้าวและปลายข้าว ที่เรากินทุกวันนี้คือ ข้าวขัดสามหนจนเหลือแต่แป้งขาว ผลก็คือ สารสำคัญซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการสูง แหล่งไฟเบอร์ชั้นดี แหล่งวิตามินบี วิตามินอี และอื่นๆ หลายชนิดพลอยหายไปด้วย แต่ด้วยความรู้ทางโภชนาการที่พัฒนาโดยลำดับ คนหลายกลุ่มได้เห็นความสำคัญของรำและจมูกข้าวที่ถูกขัดทิ้ง จึงหาทางนำกลับมาบริโภค เช่น นักมังสะวิรัติและคนรักธรรมชาติ รู้จักใช้รำอ่อนคั่ว ชงเป็นอาหารเช้าหอมฉุย ฝรั่งเก็บจมูกข้าวสาลีไว้บริโภค เรียกว่า วีทเจิร์ม (Wheat Germ) คนไทยรุ่นใหม่ก็เก่งไม่แพ้กัน แทนที่จะทิ้งจมูกข้าวให้หมูกิน ถึงวันนี้เริ่มหันมาบริโภครำข้าว และจมูกข้าว คืนสิ่งดีๆ ให้แก่สุขภาพ เป็นการใช้ทรัพยากรที่แม่พระธรณีประทานให้ อย่างรู้คุณค่า

รำข้าวบรรเทาท้องผูก
ถ้าคุณเป็นคนถ่ายไม่คล่อง ท้องผูกบ่อยๆ จงคิดถึงรำข้าว ข้าวซ้อมมือและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากธัญพืชชนิดไม่ขัดขาว มันจะช่วยคุณได้มากทีเดียว รำข้าวถือเป็นอาหารสุดยอดที่ช่วยเพิ่มปริมาณกากอาหาร ช่วยให้อุจจาระนุ่มแถมยังมีวิตามินบี และอีซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่ง รำข้าวที่ว่านี้ อาจเป็นรำข้าวคั่วที่มีขายทั่วไปตามร้านสุขภาพ ร้านมังสวิรัติ หรืออาจซื้อหารำข้าวสะอาดมาอบเชื้อด้วยตนเอง และรวมถึงการรับประทานข้าวกล้องซ้อมมือ หรือผลิตภัณฑ์เช่นข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลวีท ซึ่งทำจากเมล็ดข้าวที่มิได้ขัดขาวก็พอใช้ได้ครับ แต่ไม่ดีเท่ารำแท้ๆ ศูนย์โภชนาการของมหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ในอังกฤษได้ทดสอบประสิทธิภาพของรำข้าว พบว่า แม้การทานรำข้าวหรือข้าวซ้อมมือวันละเล็กละน้อย ก็สามารถช่วยผู้ป่วยท้องผูกด้วยสาเหตุธรรมดา ทำให้อุจจาระนุ่ม ถ่ายง่ายขึ้นถึงร้อยละ 60 จึงแสดงให้เห็นว่า ปัญหาท้องผูกในคนส่วนใหญ่ เกิดจากการรับประทานอาหารที่มีกากน้อยนั่นเอง ดร.เดนนิส เขอร์กิต ผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่ง ให้ความเห็นว่า คนโบราณหรือบรรพบุรุษของพวกเรานั้น กินเมล็ดข้าวไม่ขัดถึงวันละประมาณครึ่งกิโล แต่ทุกวันนี้เรากินลดลงเพียงหนึ่งในห้าของคนโบราณเท่านั้น แถมข้าวที่เรากินยังขัดเสียขาวสะอาด จนไม่เหลือจมูกข้าว รำข้าว หรือผิวชั้นนอกที่อุดมด้วยเส้นใยกากอาหารและวิตามินมีประโยชน์หลายชนิด

รำข้าวทำงานอย่างไร ?
รำข้าวและเส้นใยที่ผิวนอกของเมล็ดข้าว จะเพิ่มปริมาณอุจจาระ ทำให้อุจจาระมีปริมาณมากขึ้น เมื่ออุจจาระแต่ละวันมีปริมาณมากเพียงพอ ก็จะไปกระตุ้นประสาทที่อยู่รอบๆ ลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย ทำให้คุณเกิดความรู้สึกปวดท้องหนัก ผิดกับยาถ่ายยาระบายส่วนใหญ่ ซึ่งมีฤทธิ์ระคายเคืองลำไส้บริเวณนี้ จนทำให้กล้ามเนื้อรอบๆ บีบตัวเกิดอาการปวดท้องแบบเทียมๆ ไม่เป็นธรรมชาติ ผู้เขียนหนังสือ " ปฏิกิริยาตอบโต้ในช่องท้อง" ดร.กรานต์ ทอมป์สัน ให้ข้อคิดเห็นว่า " รำข้าวปลอดภัยที่สุด ถูกที่สุด และเป็นวิธีที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด สอดคล้องกับระบบกลไกของระบบทางเดินอาหาร "

แนวทางปฏิบัติ
ถึงแม้จะมีความรู้เช่นนี้แล้ว หลายคนก็อาจรู้สึกลังเลและไม่สะดวกที่จะกินรำ " ก็ฉันไม่ใช่หมูนี่คะ จะได้กินรำข้าวกับหยวกกล้วย" จริงครับ พูดง่าย ทำยาก แต่หากคุณรักสุขภาพตนเอง มองเห็นข้อดีของการประสานตนเองให้กลมกลืนกับธรรมชาติ คุณคงไม่ปฏิเสธอาหารอันมีคุณค่าที่เราเอาไปยกให้หมูกิน บางท่านอาจหาซื้อรำข้าวสำเร็จรูปที่ทำให้คนกินโดยง่าย หรืออาจใช้ข้าวโอ๊ตแทนได้ เลือกซื้อชนิดที่เขียนข้างกระป๋องว่า All Bran หรือ 100% Bran ได้ก็จะมีมาก เริ่มต้นคุณอาจชงรำในน้ำร้อน แต่งกลิ่นรสให้น่ารับประทาน ดื่มพร้อมอาหารเย็นสัก 1-2 ช้อนโต๊ะ ร่วมกับผสมข้าวซ้อมมือปนกับข้าวขาวที่คุณทานปกติ การศึกษาของอังกฤษชิ้นหนึ่งพบว่า การทานอาหารที่ปนรำข้าวเพียงวันละ 3 ช้อนโต๊ะ สามารถเพิ่มปริมาณอุจจาระอีกถึงเท่าตัว และรำข้าวที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งจะให้ผลดีที่สุด รำข้าวมีคุณสมบัติดูดน้ำไว้ในตัวได้ดีมาก ดังนั้นนอกจากปริมาณอุจจาระเพิ่มมากขึ้นแล้ว มันยังช่วยให้อุจจาระนุ่ม ถ่ายง่ายขึ้นด้วย ทดลองดูได้ ไม่ต้องหาซื้อยาฝรั่งที่อาจเป็นอันตราย

ที่มา : http://www.elib-online.com/

No comments: